คุณๆ ที่นิยมชมชอบการว่ายน้ำเป็นประจำ ทราบไหมว่าการว่ายน้ำมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับอวัยวะเพศหรือช่องคลอดรอง !
ศาสตราจารย์นายแพทย์ พงษ์ศักดิ์ ชัยศิลป์วัฒนา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อธิบายว่า การว่ายน้ำอาจจะทำให้มีอาการอักเสบของเยื่อบุปากทางช่องคลอด ซึ่งเป็นอาการที่พบหลังว่ายน้ำ โดยจะมีอาการแสบๆ ที่ปากช่องคลอด นอกจากนี้เมื่อปัสสาวะสัมผัสถูกบริเวณดังกล่าว จะมีผลให้บางคนมีอาการตกขาว เมื่อตรวจภายในจะพบอาการอักเสบของเยื่อบุช่องคลอดอย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้เมื่อตรวจอีกครั้ง ไม่สามารถพบต้นเหตุของโรคได้
สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการแพ้คลอรีนในน้ำที่มีส่วนผสมในอัตราส่วนที่เข้มข้นเกินไป นอกจากนี้โรคที่เกิดในปากช่องคลอดที่เคยพบซึ่งเป็นผลมาจากการว่ายน้ำในสระ ได้แก่ โรคพยาธิในช่องคลอดและโรคจากเชื้อรา เพราะเชื้อพยาธิและเชื้อราสามารถดำรงอยู่ในน้ำสะอาดที่มีคลอรีนเจือจางได้ โดยจะทำให้เกิดอาการอักเสบและตกขาว รวมทั้งอาการคันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอด สำหรับเชื้อกามโรค อื่นๆ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส และ เริม นั้น ไม่พบชัดเจนว่าผู้ป่วยติดเชื้อจากการว่ายน้ำธรรมดา
ฉะนั้นในขณะเล่นน้ำควรระวังไม่ให้น้ำเข้าทางปาก
เพราะเชื้อโรคบางชนิดอาจอยู่ในน้ำ เช่น โรคท้องร่วง และ ตับอักเสบ ส่วนสระว่ายน้ำบางแห่งที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลรักษาความสะอาดเท่าที่ควร มีกระเบื้องแตกและชำรุด เมื่อว่ายน้ำไปกระทบกระเบื้องจนเกิดบาดแผล จะทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย กลายเป็นแผลเรื้อรังคล้ายแผลจากเชื้อวัณโรคผิวหนัง ซึ่งการรักษาค่อนข้างยาก แต่สามารถรักษาให้หายได้
วิธีการป้องกัน
- ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสระว่ายน้ำ เช่น อาบน้ำทุกครั้งก่อนลงสระ
- นักว่ายน้ำควรตรวจร่างกายก่อน อย่างการเจาะเลือดตรวจภาวะภูมิคุ้มกันโรค
- เมื่อพบความผิดปกติหลังจากการว่ายน้ำควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ และที่สำคัญควรงดการว่ายน้ำในช่วงที่พบความผิดปกติ
- ขณะว่ายน้ำระวังอย่าให้น้ำเข้าปาก
ว่ายน้ำครั้งต่อไปคุณคงมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องแล้ว แต่การดูแลเอาใจใส่เรื่องความสะอาดควรจะพอดีๆ เดี๋ยวมากเกินไปจะกลายเป็นความวิตกกังวลค่ะ เพราะจริงๆ แล้วร่างกายของเราก็มีภูมิต้านทานไว้ต่อกรกับเจ้าเชื้อโรคนานาชนิดอยู่แล้ว
จากเวิร์ดเพรสดอทคอม